/
/
ชวนรู้จักชิ้นส่วนเนื้อหมู วิธีเลือกซื้อ และวิธีเก็บรักษา

ชวนรู้จักชิ้นส่วนเนื้อหมู วิธีเลือกซื้อ และวิธีเก็บรักษา

เลือกหัวข้อที่สนใจ คลิกอ่านได้เลย

เนื้อหมูเป็นวัตถุดิบยอดนิยมในการประกอบอาหารของคนไทย ด้วยรสชาติที่อร่อย เข้ากับอาหารได้หลากหลาย และหาซื้อได้ง่าย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเนื้อหมูแต่ละส่วนมีความแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกซื้ออย่างไรให้ได้เนื้อหมูคุณภาพดี ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเนื้อหมู พร้อมแนะนำวิธีการเลือกซื้อและเก็บรักษาเนื้อหมูอย่างถูกวิธี

ชิ้นส่วนของเนื้อหมูมีอะไรบ้าง

หมูหนึ่งตัว สามารถแบ่งชิ้นส่วนหลัก ๆ ได้เป็น 10 ส่วน ซึ่งแต่ละส่วนมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันทั้งในแง่ของรสชาติ เนื้อสัมผัส และความเหมาะสมในการนำไปประกอบอาหาร การทำความรู้จักชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเนื้อหมูไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณเลือกซื้อเนื้อหมูได้ตรงตามความต้องการ แต่ยังช่วยให้คุณสามารถปรุงอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น

สันในหมู

เริ่มต้นกันที่ชิ้นส่วนแรกของหมู คือ สันในหมู เป็นเนื้อส่วนที่นุ่มที่สุดและมีไขมันน้อยที่สุด อยู่บริเวณกล้ามเนื้อส่วนในของสันหลังหมู ติดกับกระดูกสันหลัง มีลักษณะเด่นเป็นสีชมพูอ่อน เนื้อมีลักษณะเป็นเส้นยาว มีไขมันแทรกน้อยมาก เหมาะสำหรับการทำอาหารประเภทหมูแดง สุกี้ สเต็ก หรือหมูย่าง

สันนอกหมู

สันนอกหมูเป็นเนื้อส่วนที่อยู่ติดกับสันใน มีความแน่นกว่าสันในแต่นุ่มกว่าเนื้อสะโพก ลักษณะเด่นคือมีสีชมพูเข้มกว่าสันในมีไขมันแทรกมากกว่าสันในเล็กน้อย มีมันหุ้มด้านนอกบาง ๆ สันนอกหมูเหมาะสำหรับการทำอาหารประเภทสเต็ก หมูทอด หมูปิ้ง หรือหมูสะเต๊ะ

เนื้อสะโพก

เนื้อสะโพกเป็นส่วนที่มาจากขาหลังของหมู มีความเหนียวมากที่สุดในบรรดาเนื้อหมูทั้งหมด มีลักษณะเด่นเป็นเนื้อมีสีแดงเข้ม มีเส้นใยกล้ามเนื้อชัดเจน และมีไขมันน้อย เนื้อสะโพกเหมาะสำหรับการทำอาหารประเภทแฮม หมูสับ (เมื่อผสมกับไขมันหมู) หรืออาหารที่ต้องตุ๋นเป็นเวลานาน

หมูสามชั้น

หมูสามชั้นเป็นส่วนที่มีทั้งหนัง เนื้อ และมัน สลับชั้นกัน เป็นส่วนที่อยู่บริเวณท้องหมู โดยลักษณะเด่นคือมีชั้นของหนัง เนื้อ และมันสลับกัน มีไขมันมาก เนื้อมีความนุ่มและฉ่ำ หมูสามชั้นเหมาะสำหรับการทำอาหารประเภทหมูกรอบ หมูพะโล้ เบคอน ชาบู

สันคอหมู

สันคอหมูเป็นส่วนที่อยู่ระหว่างคอและสันหลังของหมู มีลักษณะเด่นคือไขมันแทรกสม่ำเสมอ เนื้อมีความนุ่มและชุ่มฉ่ำ มีรสชาติหวานกว่าส่วนอื่น ๆ สันคอหมูเหมาะสำหรับการทำอาหารประเภท หมูย่าง ชาบู สเต็ก และหมูผัดต่าง ๆ

คอหมู

คอหมูเป็นส่วนที่อยู่บริเวณคอไปจนถึงส่วนคางของหมู มีลักษณะเด่นคือมีไขมันแทรกมาก เนื้อมีความเด้งและนุ่ม มีรสชาติเข้มข้น คอหมูเหมาะสำหรับการทำอาหารประเภทคอหมูย่าง น้ำตกคอหมู หรือคอหมูทอด

ซี่โครงอ่อน

ซี่โครงอ่อนเป็นส่วนที่มีเนื้อติดกระดูก อยู่บริเวณช่วงอกของหมู มีลักษณะเด่นคือมีเนื้อติดกระดูกมาก กระดูกมีความอ่อนนุ่ม สามารถเคี้ยวได้ มีไขมันแทรกพอประมาณ ซี่โครงอ่อนเหมาะสำหรับการทำอาหารประเภทต้มแซ่บ ต้มยำ หรือผัดเผ็ด

ซี่โครงหมู

ซี่โครงหมูคล้ายกับซี่โครงอ่อน แต่กระดูกจะแข็งกว่าและมีเนื้อติดน้อยกว่า มีลักษณะเด่นคือกระดูกมีความแข็ง มีเนื้อติดกระดูกน้อยกว่าซี่โครงอ่อน เหมาะสำหรับการย่างหรือบาร์บีคิว ซี่โครงหมูเหมาะสำหรับการทำอาหารประเภทบาร์บีคิว ซี่โครงหมูทอดกระเทียม หรือต้มซุป

กระดูกสันหลังหมู

กระดูกสันหลังหมู หรือที่เรียกว่า “เล้ง” เป็นส่วนที่มีเนื้อติดน้อยมาก มีลักษณะเด่นคือมีเนื้อติดน้อย กระดูกมีไขกระดูกมาก ให้รสชาติหวานเมื่อนำไปต้ม กระดูกสันหลังหมูเหมาะสำหรับการทำอาหารประเภทน้ำซุปกระดูกหมู หรือต้มเล้งแซ่บ

ขาหมู

ขาหมูสามารถแบ่งเป็นขาหน้าและขาหลัง มีลักษณะเด่นคือมีหนังหนา มีเนื้อเหนียวและกระดูกอ่อน มีไขมันและเอ็นมาก ขาหมูเหมาะสำหรับการทำอาหารประเภทขาหมูพะโล้ ข้าวขาหมู ขาหมูทอด (นิยมใช้ขาหน้า) ขาหมูเยอรมัน (นิยมใช้ขาหน้า)

วิธีการเลือกซื้อเนื้อหมูให้ถูกหลักอนามัย

การเลือกซื้อเนื้อหมูที่มีคุณภาพดีเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้อาหารที่ปรุงออกมาอร่อย แต่ยังช่วยรับประกันความสะอาดและความปลอดภัยในการบริโภคอีกด้วย โดยวิธีการเลือกซื้อเนื้อหมูให้ถูกหลักอนามัย ได้แก่

  • สังเกตสีของเนื้อหมู เนื้อหมูที่ดีควรมีสีชมพูอ่อนถึงชมพูเข้ม ควรหลีกเลี่ยงเนื้อหมูที่มีสีซีดจนเกินไปหรือสีแดงจัดผิดธรรมชาติ และระวังเนื้อหมูที่มีสีเขียว สีคล้ำ หรือมีจุดสีผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการเน่าเสีย
  • ตรวจสอบลักษณะผิวและเนื้อสัมผัส ผิวของเนื้อหมูควรมีความมันวาว ไม่แห้งหรือเหนียว เมื่อกดเบา ๆ เนื้อควรมีความยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี ควรหลีกเลี่ยงเนื้อหมูที่มีลักษณะเละหรือแตกยุ่ย
  • สังเกตกลิ่น เนื้อหมูที่สดควรมีกลิ่นอ่อน ๆ ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนหรือกลิ่นเปรี้ยว หากได้กลิ่นแปลก ๆ หรือกลิ่นเหม็น ให้หลีกเลี่ยงการซื้อ
  • ตรวจสอบความชื้น เนื้อหมูไม่ควรมีน้ำเยิ้มออกมามากเกินไป ควรหลีกเลี่ยงเนื้อหมูที่แช่อยู่ในน้ำหรือมีน้ำขังอยู่ในภาชนะบรรจุ
  • สังเกตไขมัน ไขมันของเนื้อหมูควรมีสีขาวหรือครีมอ่อน และหลีกเลี่ยงเนื้อหมูที่มีไขมันสีเหลืองหรือเทา
  • ตรวจสอบการบรรจุและวันหมดอายุ หากซื้อเนื้อหมูแพ็กสำเร็จ ให้ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ว่าไม่ฉีกขาดหรือบวม ตรวจสอบวันผลิตและวันหมดอายุ เลือกซื้อเนื้อหมูที่ยังไม่หมดอายุและมีระยะเวลาเหลือพอสมควร
  • สังเกตสถานที่จำหน่าย เลือกซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ มีการเก็บรักษาเนื้อในอุณหภูมิที่เหมาะสม ควรสังเกตความสะอาดของสถานที่จำหน่ายและอุปกรณ์ที่ใช้ และผู้ขายควรแต่งกายสะอาด สวมถุงมือและหมวกคลุมผมขณะจับต้องเนื้อ
  • ตรวจสอบการปนเปื้อน หลีกเลี่ยงเนื้อหมูที่มีแมลงวันตอม ตรวจสอบว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่บนเนื้อหมู
  • เลือกให้เหมาะกับการใช้งาน เลือกชิ้นส่วนของเนื้อหมูให้เหมาะสมกับเมนูที่จะปรุง หากต้องการหมูสับ ควรเลือกเนื้อส่วนที่เหมาะสมและขอให้ทางร้านบดสด ๆ

การเลือกซื้อเนื้อหมูอย่างระมัดระวังจะช่วยให้คุณได้วัตถุดิบที่สด สะอาด และปลอดภัย ซึ่งจะส่งผลให้อาหารที่ปรุงออกมามีรสชาติอร่อยและปลอดภัยต่อการบริโภค

วิธีการเก็บรักษาเนื้อหมูที่ถูกต้อง

นอกจากวิธีการเลือกซื้อเนื้อหมูให้ถูกหลักอนามัยแล้ว การเก็บรักษาเนื้อหมูอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาคุณภาพและความสดใหม่ของเนื้อ รวมถึงป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค โดยวิธีการเก็บรักษาเนื้อหมูที่ถูกต้อง มีดังนี้

  • ทำความสะอาดเนื้อหมู ล้างเนื้อหมูด้วยน้ำสะอาด อาจใช้เกลือละลายน้ำล้างเพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรค และซับน้ำออกให้แห้งด้วยกระดาษสะอาด
  • แบ่งเนื้อหมูเป็นส่วน ตามปริมาณที่ต้องการใช้แต่ละครั้ง หั่นเป็นชิ้นตามขนาดที่ต้องการ เพื่อสะดวกในการนำไปปรุงอาหาร
  • บรรจุในภาชนะที่เหมาะสม ใช้ถุงซิปล็อกหรือกล่องพลาสติกที่มีฝาปิดสนิท พยายามไล่อากาศออกให้มากที่สุดเพื่อลดการออกซิเดชัน และติดฉลากระบุวันที่ซื้อหรือวันที่แช่แข็ง
  • การเก็บในตู้เย็น เก็บเนื้อหมูในช่องแช่เย็นธรรมดาได้ไม่เกิน 1-2 วัน ควรวางในชั้นล่างสุดของตู้เย็นเพื่อป้องกันน้ำหยดลงบนอาหารอื่น ควรรักษาอุณหภูมิตู้เย็นให้อยู่ที่ 4°C หรือต่ำกว่า
  • การแช่แข็ง หากต้องการเก็บนานกว่า 2 วัน ให้แช่แข็งที่อุณหภูมิ -18°C หรือต่ำกว่า เนื้อหมูสามารถเก็บในช่องแช่แข็งได้นานถึง 4-6 เดือน ห่อเนื้อหมูด้วยพลาสติกแรปหรือฟอยล์อีกชั้นเพื่อป้องกันการเกิดน้ำแข็งเกาะ
  • การละลายเนื้อหมู ละลายเนื้อหมูในตู้เย็นช่องธรรมดา ไม่ควรละลายที่อุณหภูมิห้อง ใช้เวลาละลายประมาณ 24 ชั่วโมงสำหรับเนื้อหมู 2-3 กิโลกรัม หากต้องการละลายเร็ว สามารถใช้ไมโครเวฟโหมดละลายน้ำแข็งได้
  • การจัดการหลังละลาย ควรใช้เนื้อหมูที่ละลายแล้วภายใน 1-2 วัน ไม่ควรแช่แข็งเนื้อหมูที่ละลายแล้วซ้ำ เพราะอาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรค
  • การแยกเก็บ เก็บเนื้อหมูแยกจากอาหารพร้อมรับประทานหรือผักสด หากมีน้ำเนื้อไหลออกมา ให้ทำความสะอาดทันทีเพื่อป้องกันการปนเปื้อน
  • ตรวจสอบสม่ำเสมอ หมั่นตรวจสอบสภาพของเนื้อหมูที่เก็บไว้ หากพบว่ามีกลิ่นผิดปกติหรือสีเปลี่ยนไป ควรทิ้งทันที
  • รักษาความสะอาด ทำความสะอาดตู้เย็นและช่องแช่แข็งอย่างสม่ำเสมอ ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนและหลังจับต้องเนื้อหมู

การเก็บรักษาเนื้อหมูอย่างถูกวิธีไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาคุณภาพและรสชาติของเนื้อหมู แต่ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคอาหารเป็นพิษและลดการสูญเสียอาหารอีกด้วย

เนื้อหมู Smile Meat ดีอย่างไร

Smile Meat โดดเด่นด้วยคุณภาพเนื้อหมูระดับพรีเมียม ผลิตจากฟาร์มระบบปิดมาตรฐานสูง ใช้ระบบขนส่งเย็นรักษาความสด ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล มีกระบวนการผลิตสะอาด ปลอดภัย ตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอน นำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลาย ราคาคุ้มค่า มีสาขาทั่วประเทศ พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง เน้นความปลอดภัยอาหาร สนับสนุนเกษตรกรไทย และรับประกันความพึงพอใจ ทำให้ Smile Meat เป็นแบรนด์เนื้อหมูคุณภาพที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคและผู้ประกอบการมากที่สุด

บทความแนะนำ
ชวนรู้จักเนื้อหมูปลอดสาร เนื้อหมูอนามัย และเนื้อหมูเลี้ยงปล่อยทุ่ง

เนื้อหมูปลอดสาร เนื้อหมูอนามัย และเนื้อหมูเลี้ยงปล่อยทุ่ง ต่างกันอย่างไร ทำความรู้จักกับเนื้อหมูทั้งสามประเภท เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อเนื้อหมูได้อย่างมั่นใจ

อ่านต่อ
ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อหมู เพิ่มความหลากหลายในการรับประทาน

ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อหมูคืออะไร พาไปทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อหมู พร้อมรู้ถึงประโยช์และวิธีการนำไปใช้ในการประกอบอาหาร

อ่านต่อ
สามชั้นสไลด์ ชิ้นส่วนยอดฮิตที่คุณต้องห้ามพลาด

สามชั้นสไลด์คือหนึ่งในวัตถุดิบที่คุณไม่ควรพลาด บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสามชั้นสไลด์ พร้อมแนะนำเมนูยอดฮิตที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน

อ่านต่อ